วันพุธที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

อิทธิพลของคริสต์ศาสนาในยุโรปสมัยกลาง



            อิทธิพลของคริสต์ศาสนาต่ออาณาจักรโรมันเริ่มขึ้นในศตวรรษที่ 4 หลังจากคริสตชนถูกกดขี่เป็นเวลานาน ต่อมาจักรพรรดิคอนสแตนโชตินที่ 1 ทรงเลื่อมใสในคริสต์ศาสนา และประกาศพระองค์เป็นคริสต์ศาสนิกชน
            ก่อนสิ้นสุดคริสตศตววรษที่ 4 ศาสนาคริสต์ก็กลายเป็นศาสนาประจำจักรวรรดิโรมัน โดยจักรพรรดิธีโอโดซิอุสที่ 1





เหตุที่คริสต์ศาสนามีความเจริญรุ่งเรื่อง
(1) จักรพรรดิโรมันขาดความสามารถในการบริหารและความเป็นผู้นำ
(2) ผู้นำทางคริสต์ศาสนามีคุณสมบัติที่จักรพรรดิไม่มี
(3) ความแตกแยกและเสื่อมโทรมของสังคม คนจึงหวังมีชีวิตที่ดีในโลกหน้า
(4) อนารยชนที่มารุกรานได้ทำลายความรุ่งเรืองของโรมันในด้านการปกครอง
            เมื่อจักรวรรดิโรมันเสื่อมลง คริสต์ศาสนากลับแข็งแกร่งขึ้น และเมื่อจักรวรรดิโรมันล่มสลาย ดินแดนในยุโรปมีแต่ความปั่นป่วน ศาสนาจึงเข้ามามีบทบาทเป็นผู้นำทางจิตใจ และครอบงำยุโรปสมัยกลาง





บทบาททางสังคม
            สมัยกลางคริสต์ศาสนาได้เข้ามามีบทบาทต่อสังคมยุโรป เพราะสังคมมีแต่ความวุ่นวายและความเสื่อม คริสต์ศาสนาจะให้ความรู้สึกมั่นคงทางจิตใจโดยเฉพาะคริสต์ศตวรรษที่ 12 และ 13 ศาสนจักรมีอำนาจสูงสุดเหนือสถาบันใดและเข้าไปมีอิทธิพลต่อวิถีชีวิต
            คริสตจักรเป็นสถาบันที่มีอำนาจสูงสุด คริสต์ศาสนิกชนต้องดำเนินชีวิตตามคำสอนอย่างเคร่งครัด หากขัดแย้ง จะต้องไต่สวนและลงโทษ





บทบาททางการเมือง
            ศาสนาได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการเมืองทั้งในระบบกษัตริย์ ระบบฟิวดัลและระบบศาล
       -   ระบบกษัตริย์  ศาสนจักรอ้างอำนาจเหนือกษัตริย์และขุนนางในฐานะผู้สถาปนากษัตริย์
       -   ระบบฟิวดัล ศาสนจักรได้เข้ามามีบทบาทในการยุติสงครามการแย่งที่ดินระหว่างเจ้านายที่ดินต่าง ๆ
       -   ระบบการศาล ศาสนจักรได้จัดระบบการพิจารณาศาล จึงอ้างสิทธิที่จะพิจารณาคดีทั้งศาสนาและทางโลก
       -   การไล่ออกจากศาสนาหรือบัพพาชนียกรรม เป็นการห้ามเข้าร่วมกิจกรรมหรือพิธีกรรมทางศาสนา
       -   การตัดขาดจากศาสนาทั้งชุมชน โดยโบสถ์ในชุมชนจะปิด ไม่ประกอบพิธีกรรมใดๆ ส่วนมากกฎข้อนี้ใช้ในการลงโทษการกระทำของผู้นำรัฐ
           การลงโทษทำให้ศาสนจักรมีอำนาจเหนือประชาชนในสังคมทุกระดับชั้น ตั้งแต่กษัตริย์ ขุนนาง จนถึงข้าติดที่ดินระดับล่างสุด





บทบาททางเศรษฐกิจ
            ศาสนจักรเป็นแหล่งรวมความมั่งคั่ง เนื่องจากศาสนจักรได้เงินภาษีจากประชาชน และบรรณาการที่ดินที่ชนชั้นปกครอง
            คริสตจักรได้วางรูปแบบการบริหารเลียนแบบของจักรวรรดิโรมัน ทำให้คริสตจักรเป็นสถาบันที่มีกฎระเบียบและมีเป้าหมายชัดเจน คือ 






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น